วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

งานนี้เขียนกันแบบไม่มีจิบกาแฟ
เหตุเพราะลำไส้อักเสบต้องเข้าโรงพยาบาลตอนเที่ยงคืนวานนี้
เรื่องราวที่จะเล่าเป็นเรื่องของความตะกละของเจ้าของบล็อคเอง
เป็นความตะกละที่ส่งผลเกือบถึงชีวิตกันเลยทีเดียว

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาผมไปเดินเล่นในซุปเปอร์ของห้างดังแห่งหนึ่ง
พลันสายตาก็ประสบพบเจอกับชีสลดราคาแพ็คหนึ่งเข้า
ราคาของมันช่างยั่วยวนใจยิ่งนัก จาก 259 เหลือร้อยเดียว
ด้วยราคาที่ประหยัดไปกว่า 159 บาทจึงเป็นอะไรที่ยากจะปฏิเสธมากๆ



หยิบขึ้นมาดูวันหมดอายุ ฉลากเขียนเอาไว้ว่า
หมดอายุวันที่ 9 ต้องเอาออกจากเชลฟ์วันที่ 7
วันนั้นวันที่ 7 พอดี มีเวลากินอีก 2 วัน
คิดกำไรขาดทุนแล้ว ถ้ากินสองวันหมดก็ตกวันละ 50 บาทเอง
อย่ากระนั้นเลย รีบหยิบไปจ่ายตังค์ดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นจะมาหยิบไปซะก่อน

...มาวันนี้อยากบอกว่า "โคตรคิดผิด"

ท้องผมมีอาการตุ่ยๆ คือมวนท้องหลังจากซัดชีสราคาไปได้สองวัน
แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร เพราะมีความเชื่อว่า
"สินค้าหมดอายุไม่น่าจะหมดกันแบบทันทีทันใด"
คือเชื่อว่าถึงสินค้าจะหมดอายุไปแล้ว แต่ถ้าแช่ตู้เย็นก็น่าจะกินได้อีกอย่างน้อย 2-3 วัน
เจ้าชีสที่หมดอายุในวันที่ 9 นี้ ผมกินเรื่อยไปจนถึงวันที่ 10
...แล้วหายนะก็มาเยือน

วันที่ 11 ผมถ่ายไม่ปกติ อุจจาระมีเริ่มเป็นมูก
แต่ด้วยร่างกายทีค่อนข้างแข็งแรงผมเลยปรึกษาเพื่อนเพื่อหายามากิน
อาการนี้คาดว่าอาหารเป็นพิษเลยซัด คาร์บอน ไปสองสามมื้อ
คิดว่าไม่น่าเกินพรุ่งนี้ก็หายแล้ว
...แต่มันไม่หายว่ะครับ

วันที่ 12 ตอน ห้าทุ่มกว่าผมนอนไม่หลับ มันปวดท้อง มวนท้องบิดไปบิดมา
พยายามข่มตานอนเป็นชม.ๆก็นอนไม่หลับ สุดท้ายรู้ตัวว่าไม่ไหว
เลยต้องคลานลงมาขอความช่วยเหลือจากแม่ให้เรียกแทกซี่ไปส่งรพ.

ถึงรพ.แล้วใช่ว่าจะได้พบหมอทันที คนไข้รายอื่นที่มาก่อนเราก็มี
ผมเลยต้องนั่งทุรนทุรายอยู่ที่เก้าอี้รอตรวจอยู่เป็นชม.
คือมันปวดท้องนะ แต่มันไม่ใช้ปวดแบบจะถ่ายอ่ะ มันปวดแบบทรมานอยู่ข้างใน
อดทนไม่ไหวเลยต้องไปขอเปลเพื่อนอนรอให้หมอมาตรวจ

หมอสาวแว่นซักถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง?
คุยกันไปคุยกันมาเลยสรุปว่าอาการนี้น่าจะเป็นลำไส้ติดเชื้อ
(ไม่กล้าเล่าที่มาให้หมอฟังเพราะอับอายมาก เพราะความตะกละแท้ๆ)
เพื่อลดอาการปวดท้องหมอเลยตัดสินใจว่าจะฉีดยาให้
ไอ้เราก็ดีใจ เพราะ ที่มาเนี่ยก็อยากได้ยาแรงๆไประงับอาการปวดเสียที
หมอแว่นเดินไปสั่งบุรุษพยาบาลว่าต้องทำอะไรบ้าง เราก็นอนรอ
พอบุรุษพยาบาลเดินมาเราก็หันก้นให้กะรอฉีดยาเต็มที่

...ว่าแต่น้องถือคัตตั้นบัตไซส์พี่บิ๊กมาทำไม?

คิดภาพตามนะครับ มันคือไม้เสียบลูกชิ้นที่มีสำลีพันไว้ที่หัว
มันคือคัตตั้นบัตยักษ์นั่นแหละ แต่เอามาทำไมครับ จะมาฉีดยาไม่ใช่เหรอ
น้องเค้าบอกว่า ต้องเอาตัวอย่างเมือกในลำไส้ไปเพาะเชื้อ
ด้วยการเอาไอ้เจ้าคัตตั้นบัตยักษ์อันนี้คว้านเข้าไปในรูตูด!!

บทสนทนาถัดจากนี้ไปมาจากเรื่องจริงเน้นๆ

"พี่ต้องนอนตะแคงครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง"
"เอ้าๆ โอเคครับ"
"เจ็บหน่อยนะพี่ ทนนิดนึงนะ"
(มันเจ็บงั้นเลยเหรอวะ)

สัมผัสแรกคือไม้เสียบลูกชิ้นกระแทกเข้าที่ปลายกระดูกสันหลังอย่างแรง

"น้องๆนั่นไม่ใช่รูพี่"
"อ้าวโทษครับเอาใหม่นะ"
"โอ้วววววว นั่นก็ไม่ใช่ครับ มันต่ำไป" (ถ้าไถลไปอีกนิดคิดหว่าหำคงทะลุ)
"เอางี้น้องพี่ถ่างให้เองดีกว่า"

เวลานั้นหมดแล้วซึ่งความอาย
เอาสองนิ้วที่มีถ่างรูตูดให้คนแปลกหน้าชอนไชเข้ามาอย่างไม่ขัดขืน

"ปุะ ปะ ปู ปู้วววว ปู้วววววว"

ตอนแรกปวดท้องจนตัวงอเป็นกุ้ง
พอเจอคัตตั้นบัตยักแทงทะลุรูตูดเท่านั้นล่ะ
...สะดุ้งเป็นปลาแซลม่อนเลย

"อดทนนิดนะพี่"

น้องเค้าคว้านยังกะจะเอาเครื่องในผมออกมาทั้งยวง
ผมได้แต่กัดฟันกล้ำกลืนความเจ็บปวดเป็นเวลาเกือบสิบวินาที
พอน้องเค้าคว้านเสร็จแล้วเค้าก็ดึงออก
เวลานั้นผมสาบานว่า ผมโล่งใจเหมือนมีคนดึงมีดที่ปักรูก้นผมออกไปเลย
เท่านี้ก็จบ ผมจะได้ฉีดยาแล้วก็กลับบ้านซักที

"เดี๋ยวๆๆๆๆๆ" บุรุษพยาบาลอีกคนเดินเข้ามา
"เหลืองน้อยไป ไม่พอเพาะเชื่อ เอาใหม่อีกที"

...ไอ้เหรี้ยยยยยยยยย

+++

สรุปแล้วหลังจากผ่านการทรมานทรกรรมไปได้
นางพยาบาลก็ฉีดยาให้ที่มือขวาแล้วปล่อยผมกลับบ้าน
เรื่องนี้รับรองเลยว่าผมจะจำจนวันตาย
ต่อไปนี้จะไม่กินของใกล้หมดอายุอีกแล้ว

ท่านผู้อ่านที่ชอบเดินซุปเปอร์เห็นของลดราคาอย่าไปเสี่ยงนะครับ
เลี่ยงได้ให้เลี่ยงเลย เพราะถ้าเป็นอะไรมาไม่คุ้ม
เจ็บใจสุดนอกจากเสียเอกราชให้คัตตั้นบัตยักษ์แล้ว
อาการของลำไส้ทำให้ไม่สามารถกินกาแฟได้อีกเป็นอาทิตย์ๆนี่สิ
ไว้หายดีเมื่อไหร่ผมจะรีบกลับมาเขียนรีวิวกาแฟอีกครั้งนะครับ

...สัญญาเลย











0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

( ๐ω๐)ノ อ่ะครับออฟคอฟฟี่ © 2013 | Powered by Blogger | Blogger Template by DesignCart.org