วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557



ในปี  2014 ภาพลักษณ์ของการนอนกลางวันดูไม่ค่อยดีนัก ในวัฒนธรรมการทำงานเป็นเครื่องจักรไปจนกว่าจะพังหรือตายห่ากันไปข้าง คนนอนกลางวันมักจจะมาพร้อมอิมเมจของคนขี้เกียจ ไร้ประสิทธิภาพ ไม่รู้จักจัดการเวลาหลับเวลานอนของตัวเอง

สิ่งหนึ่งที่ผมจะขอหักหลังคนอ่านก็คือผมคงไม่เอาหลักฐานหรืองานวิจัย เรื่องการนอนกลางวันเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน มาเป็นหลักฐานเพื่อเอาไปบอกเจ้านายเวลาเค้ามาเห็นคุณนอนกลางวันหรอกครับ หลักฐานแบบนั้นหาได้มีความจำเป็นแต่อย่างใด มนุษย์เราไม่ใช่เครื่องจักรผลิตงานที่ต้องทำตัวให้ดูเหมือนขยันตลอดเวลาแม้จะไม่มีผลงานออกมาก็ตาม

เรานอนกลางวันเพราะเราง่วง เหตุผลเดียวกับที่เรากินเพราะรู้สึกหิวนั่นแหละ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องเอาเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานมาเป็นเหตุผลของการนอนกลางวัน

การนอนกลางวันมันดีกับตัวเราเอง เป็นสิ่งที่ควรทำทุกครั้งถ้ามีโอกาส



อย่าไปบ้าตามหนังสือสร้างแรงบันดาลใจหรือฮาวทูที่บอกว่าคนเก่งๆในประวัติศาสตร์ต้องนอนน้อยๆเลยครับ ยิ่งไอ้ที่บอกว่านักประดิษฐ์บางคนนอนวันละ 4 ชม.นี่ยิ่งแล้วใหญ่ ถามจริงเถอะครับถ้าจะดี เด่น ดังได้ต้องนอนน้อยๆอย่างนั้นจริง แปลว่าไอ้พวกที่เก่งๆทั้งโลกนี่ไม่มีใครนอนเยอะเลยสิ?

การนอนน้อยนอนเยอะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสำเร็จหรือความเด่นดังอะไรแน่ๆครับ
พอๆกับไอ้เด็กที่แดกวัวทั้งชีวิตไม่ได้โง่ไปกว่าเด็กที่แดกหัวปลาตั้งแต่หย่านมแม่นั่นละ
เรื่องบางเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางตรรกกะเลย เราเอามาโยงกันไม่ได้หรอก

ทำไมผมถึงพยายามบอกว่าการนอนกลางวันเป็นเรื่องที่ดีนักหนา?

เพราะผมเชื่อว่าสิทธิ์ในการนอนกลางวันถูกพรากออกไปจากพวกเราทุกคนอย่างโหดร้าย ด้วยปรัชญาการทุ่มเททำงานให้ตายกันไปข้าง เรามีสิทธิอันชอบธรรมที่จะนอนกลางวันอย่างน้อยหลังอาหารเที่ยงผมเชื่อว่าเราน่าจะหาเวลานอนได้ แต่เราไม่กล้านอนเพราะกลัวเสียภาพลักษณ์มากกว่า หากทำใจข้ามเรื่องนี้ไปได้เมื่อไหร่ ลองหาเวลางีบดูนะครับ

เราไม่ได้นอนกลางวันเพื่อจะได้ทำผลงานให้ดีขึ้น
เรานอนกลางวันเพื่อให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น
..ส่วนประสิทธิภาพการทำงานที่ดึขึ้นนั้นถือเป็นผลพลอยได้ต่างหาก

เชื่อผมเถอะครับ ถ้าคุณสามารถงีบตอนกลางวันอย่างน้อย 20 นาทีได้ทุกวันทำงานนะ ชีวิตการทำงานของคุณจะรื่นรมย์ขึ้นเยอะมาก คิดดูสิครับ ระหว่างคุณรู้ว่าวันนี้ต้องทำงานยิงยาว 8 ชม.เลย กับ คุณรู้ว่า หลังจากทำงานไปแล้ว 4 ชม. คุณจะได้หลับซักงีบ แล้วค่อยทำงานต่ออีก 4 ชม. อย่างไหนจะสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้คุณได้มากกว่ากัน?

หลับเสียก่อน ตื่นมาแล้วค่อยโซ้ยกาแฟเพื่อไปทำงานต่อก็ได้

Nap before it too late...
ซักงีบทุกวันเพื่อชีวิตครับ


วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

งานนี้เขียนกันแบบไม่มีจิบกาแฟ
เหตุเพราะลำไส้อักเสบต้องเข้าโรงพยาบาลตอนเที่ยงคืนวานนี้
เรื่องราวที่จะเล่าเป็นเรื่องของความตะกละของเจ้าของบล็อคเอง
เป็นความตะกละที่ส่งผลเกือบถึงชีวิตกันเลยทีเดียว

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาผมไปเดินเล่นในซุปเปอร์ของห้างดังแห่งหนึ่ง
พลันสายตาก็ประสบพบเจอกับชีสลดราคาแพ็คหนึ่งเข้า
ราคาของมันช่างยั่วยวนใจยิ่งนัก จาก 259 เหลือร้อยเดียว
ด้วยราคาที่ประหยัดไปกว่า 159 บาทจึงเป็นอะไรที่ยากจะปฏิเสธมากๆ



หยิบขึ้นมาดูวันหมดอายุ ฉลากเขียนเอาไว้ว่า
หมดอายุวันที่ 9 ต้องเอาออกจากเชลฟ์วันที่ 7
วันนั้นวันที่ 7 พอดี มีเวลากินอีก 2 วัน
คิดกำไรขาดทุนแล้ว ถ้ากินสองวันหมดก็ตกวันละ 50 บาทเอง
อย่ากระนั้นเลย รีบหยิบไปจ่ายตังค์ดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นจะมาหยิบไปซะก่อน

...มาวันนี้อยากบอกว่า "โคตรคิดผิด"

ท้องผมมีอาการตุ่ยๆ คือมวนท้องหลังจากซัดชีสราคาไปได้สองวัน
แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร เพราะมีความเชื่อว่า
"สินค้าหมดอายุไม่น่าจะหมดกันแบบทันทีทันใด"
คือเชื่อว่าถึงสินค้าจะหมดอายุไปแล้ว แต่ถ้าแช่ตู้เย็นก็น่าจะกินได้อีกอย่างน้อย 2-3 วัน
เจ้าชีสที่หมดอายุในวันที่ 9 นี้ ผมกินเรื่อยไปจนถึงวันที่ 10
...แล้วหายนะก็มาเยือน

วันที่ 11 ผมถ่ายไม่ปกติ อุจจาระมีเริ่มเป็นมูก
แต่ด้วยร่างกายทีค่อนข้างแข็งแรงผมเลยปรึกษาเพื่อนเพื่อหายามากิน
อาการนี้คาดว่าอาหารเป็นพิษเลยซัด คาร์บอน ไปสองสามมื้อ
คิดว่าไม่น่าเกินพรุ่งนี้ก็หายแล้ว
...แต่มันไม่หายว่ะครับ

วันที่ 12 ตอน ห้าทุ่มกว่าผมนอนไม่หลับ มันปวดท้อง มวนท้องบิดไปบิดมา
พยายามข่มตานอนเป็นชม.ๆก็นอนไม่หลับ สุดท้ายรู้ตัวว่าไม่ไหว
เลยต้องคลานลงมาขอความช่วยเหลือจากแม่ให้เรียกแทกซี่ไปส่งรพ.

ถึงรพ.แล้วใช่ว่าจะได้พบหมอทันที คนไข้รายอื่นที่มาก่อนเราก็มี
ผมเลยต้องนั่งทุรนทุรายอยู่ที่เก้าอี้รอตรวจอยู่เป็นชม.
คือมันปวดท้องนะ แต่มันไม่ใช้ปวดแบบจะถ่ายอ่ะ มันปวดแบบทรมานอยู่ข้างใน
อดทนไม่ไหวเลยต้องไปขอเปลเพื่อนอนรอให้หมอมาตรวจ

หมอสาวแว่นซักถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง?
คุยกันไปคุยกันมาเลยสรุปว่าอาการนี้น่าจะเป็นลำไส้ติดเชื้อ
(ไม่กล้าเล่าที่มาให้หมอฟังเพราะอับอายมาก เพราะความตะกละแท้ๆ)
เพื่อลดอาการปวดท้องหมอเลยตัดสินใจว่าจะฉีดยาให้
ไอ้เราก็ดีใจ เพราะ ที่มาเนี่ยก็อยากได้ยาแรงๆไประงับอาการปวดเสียที
หมอแว่นเดินไปสั่งบุรุษพยาบาลว่าต้องทำอะไรบ้าง เราก็นอนรอ
พอบุรุษพยาบาลเดินมาเราก็หันก้นให้กะรอฉีดยาเต็มที่

...ว่าแต่น้องถือคัตตั้นบัตไซส์พี่บิ๊กมาทำไม?

คิดภาพตามนะครับ มันคือไม้เสียบลูกชิ้นที่มีสำลีพันไว้ที่หัว
มันคือคัตตั้นบัตยักษ์นั่นแหละ แต่เอามาทำไมครับ จะมาฉีดยาไม่ใช่เหรอ
น้องเค้าบอกว่า ต้องเอาตัวอย่างเมือกในลำไส้ไปเพาะเชื้อ
ด้วยการเอาไอ้เจ้าคัตตั้นบัตยักษ์อันนี้คว้านเข้าไปในรูตูด!!

บทสนทนาถัดจากนี้ไปมาจากเรื่องจริงเน้นๆ

"พี่ต้องนอนตะแคงครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง"
"เอ้าๆ โอเคครับ"
"เจ็บหน่อยนะพี่ ทนนิดนึงนะ"
(มันเจ็บงั้นเลยเหรอวะ)

สัมผัสแรกคือไม้เสียบลูกชิ้นกระแทกเข้าที่ปลายกระดูกสันหลังอย่างแรง

"น้องๆนั่นไม่ใช่รูพี่"
"อ้าวโทษครับเอาใหม่นะ"
"โอ้วววววว นั่นก็ไม่ใช่ครับ มันต่ำไป" (ถ้าไถลไปอีกนิดคิดหว่าหำคงทะลุ)
"เอางี้น้องพี่ถ่างให้เองดีกว่า"

เวลานั้นหมดแล้วซึ่งความอาย
เอาสองนิ้วที่มีถ่างรูตูดให้คนแปลกหน้าชอนไชเข้ามาอย่างไม่ขัดขืน

"ปุะ ปะ ปู ปู้วววว ปู้วววววว"

ตอนแรกปวดท้องจนตัวงอเป็นกุ้ง
พอเจอคัตตั้นบัตยักแทงทะลุรูตูดเท่านั้นล่ะ
...สะดุ้งเป็นปลาแซลม่อนเลย

"อดทนนิดนะพี่"

น้องเค้าคว้านยังกะจะเอาเครื่องในผมออกมาทั้งยวง
ผมได้แต่กัดฟันกล้ำกลืนความเจ็บปวดเป็นเวลาเกือบสิบวินาที
พอน้องเค้าคว้านเสร็จแล้วเค้าก็ดึงออก
เวลานั้นผมสาบานว่า ผมโล่งใจเหมือนมีคนดึงมีดที่ปักรูก้นผมออกไปเลย
เท่านี้ก็จบ ผมจะได้ฉีดยาแล้วก็กลับบ้านซักที

"เดี๋ยวๆๆๆๆๆ" บุรุษพยาบาลอีกคนเดินเข้ามา
"เหลืองน้อยไป ไม่พอเพาะเชื่อ เอาใหม่อีกที"

...ไอ้เหรี้ยยยยยยยยย

+++

สรุปแล้วหลังจากผ่านการทรมานทรกรรมไปได้
นางพยาบาลก็ฉีดยาให้ที่มือขวาแล้วปล่อยผมกลับบ้าน
เรื่องนี้รับรองเลยว่าผมจะจำจนวันตาย
ต่อไปนี้จะไม่กินของใกล้หมดอายุอีกแล้ว

ท่านผู้อ่านที่ชอบเดินซุปเปอร์เห็นของลดราคาอย่าไปเสี่ยงนะครับ
เลี่ยงได้ให้เลี่ยงเลย เพราะถ้าเป็นอะไรมาไม่คุ้ม
เจ็บใจสุดนอกจากเสียเอกราชให้คัตตั้นบัตยักษ์แล้ว
อาการของลำไส้ทำให้ไม่สามารถกินกาแฟได้อีกเป็นอาทิตย์ๆนี่สิ
ไว้หายดีเมื่อไหร่ผมจะรีบกลับมาเขียนรีวิวกาแฟอีกครั้งนะครับ

...สัญญาเลย











วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

สวัสดีปีใหม่ครับ
อ่านหัวข้อแล้วอย่าพึ่งตกใจว่า
"มาอ่าน บล้อคกาแฟ พูดเรื่องการออกกำลังกายทำไม?"

คืองี้ครับ กาแฟที่เรากินนี่ไม่ได้เป็นเอสเพรสโซ่ชอททุกรอบ
มันต้องมีลาเต้ คาปูชิโน่ กาแฟเย็น กาแฟชง ฯลฯ
และนั่นก็อุดมไปด้วยน้ำตาล นม ครีม รัวๆ
แถมบางครั้งมันก็มีเบเกอรี่แกล้มด้วยจริงไหมล่ะ?

เพื่อไม่ให้กินกาแฟแล้วพลุ้ย วันนี้เลยเอาเทคนิคการออกกำลังกายมาฝาก
ทั้งหมด 5 ข้อ สั้นๆ หวังว่าจะมีประโยชน์กันนะครับ

+++

1.อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ตั้งเป้าไว้แล้วต้องทำให้ได้
ผมเองเป้าไม่ใหญ่ครับ ขั้นต่ำขอเดินวันละ 5000 ก้าว
วิดพื้น 10*3 ยก กับsquat 10*3 ยก
ถ้าวันไหนมีเวลาจะแอโรบิคด้วย แต่เดินกับท่าพื้นฐานต้องทำทุกวัน


2.โยคะท่าง่ายๆ กินพื้นที่น้อย ดีต่อระบบประสาทและการหมุนเวียน


3.ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
 น้ำเย็นจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดี
เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้อุณหภูมิร่างกายกลับมาเป็นปกติ
และช่วยให้ร่างกายมีน้ำเลี้ยง ไม่คอแห้งมากไปเวลาออกกำลังหนักๆ

4.วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน 3 เทพแห่งการออกกำลังกายเบื้องต้น
กิจกรรมที่ต้องพาตัวเองมุ่งไปข้างหน้าเหล่านี้
ทำให้ออกซิเจนเข้าปอดเต็มที่ เราจะสดชื่นมากขึ้นด้วย

5.ไม่มีตังค์ไปยิม ไม่ใช่ปัญหา
ลองทำตามผังภาพนี้ดู








( ๐ω๐)ノ อ่ะครับออฟคอฟฟี่ © 2013 | Powered by Blogger | Blogger Template by DesignCart.org